อาคารเหล็กกึ่งสำเร็จรูป เป็นระบบวิศวกรรมก่อสร้างที่สามารถลดต้นทุนในภาพรวม ลดระยะเวลาในการก่อสร้างและลดแรงงานคน ซึ่งส่งผลให้ช่วยให้เพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ที่มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การก่อสร้างที่ประหยัดและมีความรวดเร็วย่อมเป็นทางเลือกที่น่าพิจารณามากกว่า อีกทั้งยังมีการออกแบบอาคารตามลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย เช่น โรงงาน โกดังสินค้า สร้างคลังสินค้า ห้างสรรพสินค้า ตลาด โรงยิม สนามกีฬา โรงเก็บเครื่องบิน โรงซ่อมบำรุง หอประชุม ฯลฯ
บริษัทรับสร้างตึกสร้างโกดังแพร่
รับสร้างตึกสร้างโกดังแพร่
รับสร้างโกดังแพร่
สร้างโกดังขนาดเล็กแพร่
สร้างโรงงานขนาดเล็กแพร่
สร้างโกดังออฟฟิศแพร่
รับสร้างโกดังขนาดเล็กแพร่
สร้างโกดังราคาถูกแพร่
โกดังน็อคดาวน์แพร่
ทำโกดังแพร่
รับสร้างโกดังสําเร็จรูปแพร่
รับสร้างโกดัง ราคาถูกแพร่
รับสร้าโกดังโรงงานแพร่
ก่อสร้างโกดังแพร่
รับเหมาสร้างโกดังแพร่
รับสร้างตึกแพร่
สร้างตึก 3 ชั้นแพร่
ติดต่อใช้บริการ
ต่อเติมบ้าน โครงหลังคา กันสาดหน้าบ้าน ต่อเติมห้องครัว ทำรั้วประตูสแตนเลส กระจกอลูมิเนียม รางน้ำฝน สร้างบ้าน รีโนเวทบ้าน บิ้วอิน ตกแต่ง
ผ้าม่าน ฉากกั้นห้อง




การบ่มคอนกรีต การทำให้คอนกรีตที่แห้งแข็งดีแล้วอยู่ในความชื้นตลอดเวลาเพื่อให้คอนกรีตดูดซับน้ำเข้าไปจนเกิดการอิ่มตัว คอนกรีตที่มีคุณภาพและแข็งตัวดีต้องผ่านการบ่มอย่างน้อย 14 วันเพื่อให้คอนกรีตไม่แตกร้าวง่าย กรรมวิธีในการบ่มคอนกรีตอาจจะมีวิธีดังนี้
นำกระสอบป่านมาปิดหรือห่อหุ้มคอนกรีตให้มิดจากนั้นหมั่นรดน้ำให้เปียกชุ่มตลอดเวลาอย่าปล่อยให้แห้ง
ทำการบ่มในระยะเวลา 14 วันอาจไม่ต้องถอดแบบไม้เพราะแบบไม้ถือเป็นเครื่องป้องกันความร้อนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี
กรณีที่เทคอนกรีตเป็นพื้น ถนน อาจใช้ดินเหนียวกั้นขังน้ำไว้แทนการบ่มด้วยกระสอบป่าน ถ้าพื้นที่ในการเทคอนกรีตใหญ่มากอาจเลือกใช้แกลบหรือขี้เลื่อยถมปิดพื้นนั้นแล้วรดน้ำให้ชุ่มก็ได้ ควรใช้พลาสติกคลุมพื้นคอนกรีตให้มิดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกได้ง่าย ถ้าสิ่งปลูกสร้างนั้นไม่สามารถใช้กระสอบหุ้มหรือขังน้ำได้ก็ให้ใช้วิธีการรดน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งก็ได้เช่นกันและทำติดต่อกันเป็นเวลา 14 วัน
ระยะเวลาในการบ่มคอนกรีต
ปัจจุบันนิยมใช้คอนกรีตผสมเสร็จอย่างแพร่หลายเพราะไม่ต้องยุ่งยากผสมปูนเองและพี้นที่ก่อสร้างในปัจจุบันมีพื้นที่ที่แคบไม่สะดวกในการผสมปูนเองรวมทั้งงานก่อสร้างก็มีขนาดใหญ่ต้องใช้คอนกรีตคราวละมาก ๆ คอนกรีตผสมเสร็จจึงเป็นตัวเลือกที่สะดวกในการก่อสร้าง แต่คอนกรีตผสมเสร็จนั้นจะต้อมได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ สมอ. ตามมาตรฐาน ASTM เพื่อรักษาคุณภาพของสิ่งปลูกสร้าง และให้เกิดความปลอดภัยต่อการใช้งานมากที่สุด
เหล็ก (Iron) นับเป็นวัสดุที่สำคัญสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ในปัจจุบันเหล็กยังมีความสำคัญแทบทุกด้าน ตั้งแต่การก่อสร้างอาคาร ถนน รางรถไฟ หรือแม้แต่ทางเรือ เหล็กก็ยังเป็นวัสดุสำคัญ เหล็กสามารถแบ่งได้ตามการใช้งานดังต่อไปนี้
เหล็กพิก (Pig Iron) เหล็กที่ได้มาจากเตาหลอมแต่เหล็ก จะมีธาตุและมีคาร์บอน ซิลิคอนและฟอสฟอรัส และกำมะถัน ตามปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด โดยเหล็กพิกนี้จะใช้สำหรับงานหล่อในวงการอุตสาหกรรม
เหล็กเหนียว (Wrought Iron) เหล็กที่มีส่วนผสมจากเหล็กบริสุทธิ์และตะกรันเศษโลหะจากการถลุงแร่ จะใช้ในงานโครงสร้าง เช่น เสา คาน คุณสมบัติของเหล็กเหนียว จะมีความทนทานต่อการเกิดสนิมได้ดี เชื่อมง่าย ดัดงอง่าย และเคลือบผิวได้ง่ายอีกด้วย
เหล็กหล่อ (Cast Iron) เหล็กที่ผสมแร่ธาตุต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 6 ชนิด เช่น เหล็ก คาร์บอน ซิลิคอน แมงกานีส ฟอสฟอรัส และกำมะถัน เป็นต้น ปัจจุบันยังได้มีการเติมสารอื่น ๆ ลงในเหล็กหล่อเพื่อให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เช่น ความแข็ง และ กำลัง เป็นต้น มักจะถูกนำไปใช้ในงานที่ไม่ต้องการให้เหล็กทำปฏิกิริยากับสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เกิดประกายไฟเพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กเป็นต้นเหตุของประกายไฟ
เหล็กกล้า (Steel Iron) เหล็กที่มีส่วนผสมของแร่เหล็ก คาร์บอน และแร่ธาตุอื่น ๆ และนิยมนำไปแปรรูปให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ เช่น การรีด การพับ เป็นต้น
เหล็กรูปพรรณ การนำเหล็กมาแปรรูปให้มีรูปร่างและขนาดต่างๆ ตามที่ต้องการใช้งานมีการควบคุมมาตรฐานการผลิตเหล็กรูปพรรณตามมาตรฐาน มอก. 116-2527
เหล็กเสริมคอนกรีต เหล็กเหนียวที่ผลิตตามมาตรฐาน มอก. 20-2517 มีผิวเรียบ ชั้น SR 24 ความยาวอยู่ที่ 10 – 12 เมตร เหล็กเสริมคอนกรีตทุกเส้นจะมีอักษรย่อที่เหล็กว่า “บลส” หรือ “บกส” อักษรย่อนี้เป็นเพียงตัวย่อของบริษัทผู้ผลิต เช่น บลส มาจาก บริษัท เหล็กสยาม (2001) จำกัด ส่วน บกส จากบริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด เป็นต้น
เหล็กเส้นกลมชนิดรีดซ้ำ
เหล็กที่มีมาตรฐานควบคุมคุณภาพและการผลิต มอก.211-2520 เรียกว่า “เหล็กเส้นรีดซ้ำ” เป็นเหล็กกล้าละมุนที่จัดอยู่ในจำพวกเหล็กกล้าที่มีธาตุคาร์บอนอยู่แบบธรรมดา เพื่อใช้เสริมคอนกรีตในงานก่อสร้างทำขึ้นจากเศษเหล็กเฉพาะที่ได้จากเข็มพืด และเหล็กแผ่นต่อเรือ ต้องเป็นเศษเหล็กแผ่นหรือเหล็กรูปหน้าตัดต่าง ๆ ที่ทำขึ้นมาใช้ในงานก่อสร้างการรีดให้เป็นเส้นวงกลมขณะที่ร้อนเหล็กชนิดนี้ใช้สัญญลักษณ์ SRR 24 ขนาดและน้ำหนักเหล็กเส้นกลมเสริมคอนกรีตชนิดเหล็กรีดซ้ำ
เหล็กข้ออ้อย
เป็นเหล็กตามมาตรฐาน มอก.24-2527 ตามที่ สมอ. กำหนด มีลักษณะเป็นปุ่มสันที่ผิวเหล็กเป็นระยะเพื่อให้สามารถจับตัวกับคอนกรีตได้ดีและมีแรงยึดกับคอนกรีตสูง ทำให้สะดวกในงานก่อสร้างเพราะไม่จำเป็นต้องงอเหล็กในการทำโครงสร้างเสริมเหล็ก เหล็กจะมีชั้นคุณภาพที่ SD30, SD40, SD50 และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 10 – 32 มิลลิเมตร และมีขนาดความยาว 10 – 12 เมตร

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
- วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร
- วัดหลวง
- วัดศรีชุม
- วัดหัวข่วง
- วัดพระนอน
- วัดศรีบุญเรือง
- วัดพงษ์สุนันท์
- วัดจอมสวรรค์
- วัดสระบ่อแก้ว
- คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่
- คุ้มวงศ์บุรี
- บ้านประทับใจ
- วัดพระธาตุช่อแฮ
- วัดพระธาตุจอมแจ้ง
- วัดพระธาตุดอยเล็ง
- วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม
- วัดพระหลวงธาตุเนิ้ง
- อุทยานวรรณคดีลิลิตพระลอทางธรรมชาติ
- น้ำตกแม่เกิ๋ง
- น้ำตกห้วยโรง
- อุทยานหินปะการัง
- ม่อนหินพิศวง
- ถ้ำผานางคอย
- แพะเมืองผี
- แก่งเสือเต้น
- อุทยานแห่งชาติดอยผากลอง
- อุทยานแห่งชาติแม่ยม
- อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย
- อ่างแม่สอง
- น้ำตกซาววาโบราณสถาน
- คุ้มเจ้าหลวง
- คุ้มวงศ์บุรี
- บ้านประทับใจ
- คุ้มวิชัยราชา
- คุ้มเจ้าหนานไชยวงศ์
- คุ้มขัติยะวรา
- คุ้มวงศ์พระถาง
การเดินทาง
- จังหวัดแพร่อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 555 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดแพร่ได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟ และเครื่องบิน
โดยรถไฟ : จังหวัดแพร่มีทางรถไฟตัดผ่านที่อำเภอเด่นชัย อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 24 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยให้บริการเดินรถระหว่างอำเภอเด่นชัยและจังหวัดต่างๆ ทั้งเที่ยวขึ้นและเที่ยวล่องทุกวัน
โดยรถยนต์ : จากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดแพร่ สามารถใช้เส้นทางรถยนต์ได้ 3 เส้นทาง ดังนี้
เส้นทางที่ 1 กรุงเทพฯ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลข 11) สายใหม่ จากรังสิตมาตามถนนพหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลข 1) แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ที่อำเภอวังน้อย จากนั้นผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี เข้าทางหลวงหมายเลข 1 อีกครั้งที่จังหวัดชัยนาท ตรงไปจังหวัดนครสวรรค์ แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 117 (นครสวรรค์-พิษณุโลก) ผ่านจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 125 (เลี่ยงเมืองพิษณุโลก-วังทอง) แล้วเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก-เด่นชัย) ตรงไป จ.อุตรดิตถ์ และเข้าสู่ตัวจังหวัดแพร่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมและสะดวกสบายในการเดินทางมากที่สุด
เส้นทางที่ 2 กรุงเทพฯ-กำแพงเพชร-สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลข 101) สายเก่า ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ ให้ตรงไป ที่จังหวัดกำแพงเพชร แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 (สายเก่า กำแพงเพชร – น่าน) โดยผ่าน อ.พรานกระต่าย อ.คีรีมาศ ตรงไปจังหวัดสุโขทัย ผ่าน อ.สวรรคโลก อ.ศรีสัชนาลัย แล้วตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 101 อีกเช่นเคย เข้าเขตจังหวัดแพร่ ผ่าน อ.วังชิ้น แล้วเลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 101 อีกครั้ง ที่ อ.เด่นชัย ผ่านตรงไป อ.สูงเม่น และเข้าสู่จังหวัดแพร่ เช่นกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่งโมงเศษ เส้นทางนี้ เคยเป็นเส้นทางสายเก่าของภาคเหนือเมื่อประมาณ 50 ปีที่แล้วก่อนที่จะมีทางหลวงหมายเลข 11 (เด่นชัย – พิษณุโลก) สำหรับผู้ที่จะไป จังหวัดแพร่ โดยใช้เส้นทางที่ 2 นี้ จะเหมาะเดินทางในเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน เพราะเส้นทางที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 101 (ช่วงเด่นชัย-ศรีสัชนาลัย) จะโค้งดเคี้ยว และเส้นทางค่อนข้างแคบ ทับไปตามแนวป่าเขาสูง จึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
เส้นทางที่ 3 กรุงเทพฯ-ตากฟ้า-วังทอง-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่ (ทางหลวงหมายเลข 11) สายใหม่ ใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ 1 เมื่อถึงอำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีแล้ว ให้เลี้ยวขวา ไปตามทางหลวงหมายเลข 11 (ตากฟ้า-วังทอง) ผ่าน จ.นครสวรรค์ จ.พิจิตร และ เข้าสู่ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-สุโขทัย) จากนั้นก็เลี้ยวขวา เข้าทางหลวงหมายเลข 11 (พิษณุโลก-เด่นชัย) อีกครั้ง ผ่าน จ.อุตรดิตถ์ แล้วตรงไป อ.เด่นชัย เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 101 ไปสู่จัหวัดแพร่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมงเศษ
โดยรถประจำทาง : บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนมีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศ สายกรุงเทพฯ-แพร่ และกรุงเทพฯ-แพร่-สอง ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน
โดยเครื่องบิน :
สายการบินในประเทศ
รถโดยสารประจำทางระหว่างต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร
- สาย 923 กรุงเทพ-แพร่ (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ บุษราคัมทัวร์ นครชัยแอร์ (ปรับอากาศ ป.2 และ ปรับอากาศชั้นเดียว ป.1)
- สาย 923-1 กรุงเทพ-แพร่-สอง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-เด่นชัย-แพร่-สอง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ (ปรับอากาศสองชั้น ป.1)
- สาย 922 กรุงเทพ-พะเยา (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์
- สาย 964 กรุงเทพ-วังชิ้น (แพร่) (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-ตาก-อ.เถิน-อ.วังชิ้น) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. (ปรับอากาศชั้นเดียว ป.1)
- สาย 910 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ บุษราคัมทัวร์ นครชัยแอร์
- สาย 96 กรุงเทพ-น่าน (กรุงเทพ-นครสวรรค์-กำแพงเพชร-สุโขทัย-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. เชิดชัยทัวร์ บุษราคัมทัวร์
- สาย 47 กรุงเทพ-ทุ่งช้าง (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-เวียงสา-น่าน-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์
- สาย 962 กรุงเทพ-เชียงของ (กรุงเทพ-วังทอง-แพร่-พะเยา-เทิง-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ โชครุ่งทวีทัวร์ บุษราคัมทัวร์ เชิดชัยทัวร์ นครชัยแอร์
- สาย 909 กรุงเทพ-เชียงราย (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. โชครุ่งทวีทัวร์ เชิดชัยทัวร์ สมบัติทัวร์
- สาย 957 กรุงเทพ-แม่สาย (กรุงเทพ-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ บขส. สมบัติทัวร์ เชิดชัยทัวร์ โชครุ่งทวีทัวร์ นครชัยแอร์
- สาย 660 ระยอง-เชียงราย-แม่สาย (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
- สาย 660 ระยอง-แพร่-น่าน (ระยอง-พัทยา-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระบุรี-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-ร้องกวาง-เวียงสา-น่าน) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยแอร์
- สาย 661 เชียงราย-นครพนม (นครพนม-สกลนคร-อุดรธานี-เลย-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สมบัติทัวร์ จักรพงษ์ทัวร์
- สาย 622 พิษณุโลก-เชียงราย-แม่สาย (สายเก่า) (พิษณุโลก-สุโขทัย-สวรรคโลก-ศรีสัชนาลัย-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย-แม่สาย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
- สาย 624 พิษณุโลก-เชียงของ (สายใหม่) (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงคำ-เชียงของ) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
- สาย 622 พิษณุโลก-เชียงราย (สายใหม่) (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์
- สาย 613 พิษณุโลก-น่าน-ทุ่งช้าง (พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-น่าน-ทุ่งช้าง) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ สุโขทัยวินทัวร์ และ นครน่านทัวร์
- สาย 663 นครสวรรค์-เชียงราย (นครสวรรค์-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครสวรรค์ยานยนต์ (ถาวรฟาร์มทัวร์)
- สาย 633 ขอนแก่น-เชียงราย (ขอนแก่น-ชุมแพ-หล่มสัก-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-งาว-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ อีสานทัวร์ สมบัติทัวร์
- สาย 651 นครราชสีมา-แม่สาย (นครราชสีมา-สระบุรี-โคกสำโรง-ตากฟ้า-เขาทราย-วังทอง-พิษณุโลก-อุตรดิตถ์-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ นครชัยทัวร์
- สาย 780 ภูเก็ต-เชียงราย (ภูเก็ต-สุราษฎร์ธานี-ชุมพร-ประจวบฯ-เพชรบุรี-อยุธยา-นครสวรรค์-พิษณุโลก-แพร่-พะเยา-เชียงราย) บริษัทผู้เดินรถ ได้แก่ โชครุ่งทวีทัวร์ และไทยพัฒนกิจขนส่ง
- สาย 877 หาดใหญ่-เชียงราย-แม่สาย (แม่สาย-เชียงราย-พะเยา-แพร่-อุตรดิตถ์-พิษณุโลก-ทุ่งสง-พัทลุง-หาดใหญ่-ด่านนอก) บริษัท ปิยะชัยพัฒนาทัวร์
- สาย 1692 เชียงใหม่-ทุ่งช้าง (เชียงใหม่-ลำปาง-เด่นชัย-แพร่-ร้องกวาง-น่าน-ปัว-เชียงกลาง-ทุ่งช้าง) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
- สาย 1693 ลำปาง-แพร่ (ลำปาง-แม่แขม-เด่นชัย-สูงเม่น-แพร่) บริษัท ไทยพัฒนกิจขนส่ง จำกัด
- สาย 144 เชียงราย-เด่นชัย (เชียงราย-พาน-พะเยา-งาว-แพร่-เด่นชัย) บริษัท แพร่ยานยนต์ขนส่ง (หนานคำทัวร์) จำกัด
- สาย 143 อ.เฉลิมพระเกียรติ-น่าน-อ.เด่นชัย (ห้วยโก๋น-เฉลิมพระเกียรติ-ทุ่งช้าง-เชียงกลาง-ปัว-น่าน-เวียงสา-ร้องกวาง-แพร่-เด่นชัย) บริษัท นครน่านยานยนต์ขนส่ง จำกัด
- สาย 146 ลำปาง-แพร่ (ลำปาง-ม.ราชภัฏลำปาง-แม่ทะ-แม่แขม-ลอง-แพร่) บริษัท สหกรณ์นครลำปางเดินรถ จำกัด
- สาย 135 พิษณุโลก-สุโขทัย-แพร่ (แพร่-เด่นชัย-ศรีสัชนาลัย-สวรรคโลก-สุโขทัย-พิษณุโลก) บริษัทผู้เดินรถ (รถตู้) สุโขทัยวินทัวร์
-