อาคารเหล็กกึ่งสำเร็จรูป เป็นระบบวิศวกรรมก่อสร้างที่สามารถลดต้นทุนในภาพรวม ลดระยะเวลาในการก่อสร้างและลดแรงงานคน ซึ่งส่งผลให้ช่วยให้เพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน ที่มีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การก่อสร้างที่ประหยัดและมีความรวดเร็วย่อมเป็นทางเลือกที่น่าพิจารณามากกว่า อีกทั้งยังมีการออกแบบอาคารตามลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย เช่น โรงงาน โกดังสินค้า สร้างคลังสินค้า ห้างสรรพสินค้า ตลาด โรงยิม สนามกีฬา โรงเก็บเครื่องบิน โรงซ่อมบำรุง หอประชุม ฯลฯ
บริษัทรับสร้างตึกสร้างโกดังสระแก้ว
รับสร้างตึกสร้างโกดังสระแก้ว
รับสร้างโกดังสระแก้ว
สร้างโกดังขนาดเล็กสระแก้ว
สร้างโรงงานขนาดเล็กสระแก้ว
สร้างโกดังออฟฟิศสระแก้ว
รับสร้างโกดังขนาดเล็กสระแก้ว
สร้างโกดังราคาถูกสระแก้ว
โกดังน็อคดาวน์สระแก้ว
ทำโกดังสระแก้ว
รับสร้างโกดังสําเร็จรูปสระแก้ว
รับสร้างโกดัง ราคาถูกสระแก้ว
รับสร้าโกดังโรงงานสระแก้ว
ก่อสร้างโกดังสระแก้ว
รับเหมาสร้างโกดังสระแก้ว
รับสร้างตึกสระแก้ว
สร้างตึก 3 ชั้นสระแก้ว
ติดต่อใช้บริการ
ต่อเติมบ้าน โครงหลังคา กันสาดหน้าบ้าน ต่อเติมห้องครัว ทำรั้วประตูสแตนเลส กระจกอลูมิเนียม รางน้ำฝน สร้างบ้าน รีโนเวทบ้าน บิ้วอิน ตกแต่ง
ผ้าม่าน ฉากกั้นห้อง




การบ่มคอนกรีต การทำให้คอนกรีตที่แห้งแข็งดีแล้วอยู่ในความชื้นตลอดเวลาเพื่อให้คอนกรีตดูดซับน้ำเข้าไปจนเกิดการอิ่มตัว คอนกรีตที่มีคุณภาพและแข็งตัวดีต้องผ่านการบ่มอย่างน้อย 14 วันเพื่อให้คอนกรีตไม่แตกร้าวง่าย กรรมวิธีในการบ่มคอนกรีตอาจจะมีวิธีดังนี้
นำกระสอบป่านมาปิดหรือห่อหุ้มคอนกรีตให้มิดจากนั้นหมั่นรดน้ำให้เปียกชุ่มตลอดเวลาอย่าปล่อยให้แห้ง
ทำการบ่มในระยะเวลา 14 วันอาจไม่ต้องถอดแบบไม้เพราะแบบไม้ถือเป็นเครื่องป้องกันความร้อนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี
กรณีที่เทคอนกรีตเป็นพื้น ถนน อาจใช้ดินเหนียวกั้นขังน้ำไว้แทนการบ่มด้วยกระสอบป่าน ถ้าพื้นที่ในการเทคอนกรีตใหญ่มากอาจเลือกใช้แกลบหรือขี้เลื่อยถมปิดพื้นนั้นแล้วรดน้ำให้ชุ่มก็ได้ ควรใช้พลาสติกคลุมพื้นคอนกรีตให้มิดเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกได้ง่าย ถ้าสิ่งปลูกสร้างนั้นไม่สามารถใช้กระสอบหุ้มหรือขังน้ำได้ก็ให้ใช้วิธีการรดน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งก็ได้เช่นกันและทำติดต่อกันเป็นเวลา 14 วัน
ระยะเวลาในการบ่มคอนกรีต
ปัจจุบันนิยมใช้คอนกรีตผสมเสร็จอย่างแพร่หลายเพราะไม่ต้องยุ่งยากผสมปูนเองและพี้นที่ก่อสร้างในปัจจุบันมีพื้นที่ที่แคบไม่สะดวกในการผสมปูนเองรวมทั้งงานก่อสร้างก็มีขนาดใหญ่ต้องใช้คอนกรีตคราวละมาก ๆ คอนกรีตผสมเสร็จจึงเป็นตัวเลือกที่สะดวกในการก่อสร้าง แต่คอนกรีตผสมเสร็จนั้นจะต้อมได้มาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ สมอ. ตามมาตรฐาน ASTM เพื่อรักษาคุณภาพของสิ่งปลูกสร้าง และให้เกิดความปลอดภัยต่อการใช้งานมากที่สุด
เหล็ก (Iron) นับเป็นวัสดุที่สำคัญสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างมากมาย ในปัจจุบันเหล็กยังมีความสำคัญแทบทุกด้าน ตั้งแต่การก่อสร้างอาคาร ถนน รางรถไฟ หรือแม้แต่ทางเรือ เหล็กก็ยังเป็นวัสดุสำคัญ เหล็กสามารถแบ่งได้ตามการใช้งานดังต่อไปนี้
เหล็กพิก (Pig Iron) เหล็กที่ได้มาจากเตาหลอมแต่เหล็ก จะมีธาตุและมีคาร์บอน ซิลิคอนและฟอสฟอรัส และกำมะถัน ตามปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด โดยเหล็กพิกนี้จะใช้สำหรับงานหล่อในวงการอุตสาหกรรม
เหล็กเหนียว (Wrought Iron) เหล็กที่มีส่วนผสมจากเหล็กบริสุทธิ์และตะกรันเศษโลหะจากการถลุงแร่ จะใช้ในงานโครงสร้าง เช่น เสา คาน คุณสมบัติของเหล็กเหนียว จะมีความทนทานต่อการเกิดสนิมได้ดี เชื่อมง่าย ดัดงอง่าย และเคลือบผิวได้ง่ายอีกด้วย
เหล็กหล่อ (Cast Iron) เหล็กที่ผสมแร่ธาตุต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 6 ชนิด เช่น เหล็ก คาร์บอน ซิลิคอน แมงกานีส ฟอสฟอรัส และกำมะถัน เป็นต้น ปัจจุบันยังได้มีการเติมสารอื่น ๆ ลงในเหล็กหล่อเพื่อให้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป เช่น ความแข็ง และ กำลัง เป็นต้น มักจะถูกนำไปใช้ในงานที่ไม่ต้องการให้เหล็กทำปฏิกิริยากับสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้เกิดประกายไฟเพื่อป้องกันไม่ให้เหล็กเป็นต้นเหตุของประกายไฟ
เหล็กกล้า (Steel Iron) เหล็กที่มีส่วนผสมของแร่เหล็ก คาร์บอน และแร่ธาตุอื่น ๆ และนิยมนำไปแปรรูปให้ได้ลักษณะตามที่ต้องการ เช่น การรีด การพับ เป็นต้น
เหล็กรูปพรรณ การนำเหล็กมาแปรรูปให้มีรูปร่างและขนาดต่างๆ ตามที่ต้องการใช้งานมีการควบคุมมาตรฐานการผลิตเหล็กรูปพรรณตามมาตรฐาน มอก. 116-2527
เหล็กเสริมคอนกรีต เหล็กเหนียวที่ผลิตตามมาตรฐาน มอก. 20-2517 มีผิวเรียบ ชั้น SR 24 ความยาวอยู่ที่ 10 – 12 เมตร เหล็กเสริมคอนกรีตทุกเส้นจะมีอักษรย่อที่เหล็กว่า “บลส” หรือ “บกส” อักษรย่อนี้เป็นเพียงตัวย่อของบริษัทผู้ผลิต เช่น บลส มาจาก บริษัท เหล็กสยาม (2001) จำกัด ส่วน บกส จากบริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด เป็นต้น
เหล็กเส้นกลมชนิดรีดซ้ำ
เหล็กที่มีมาตรฐานควบคุมคุณภาพและการผลิต มอก.211-2520 เรียกว่า “เหล็กเส้นรีดซ้ำ” เป็นเหล็กกล้าละมุนที่จัดอยู่ในจำพวกเหล็กกล้าที่มีธาตุคาร์บอนอยู่แบบธรรมดา เพื่อใช้เสริมคอนกรีตในงานก่อสร้างทำขึ้นจากเศษเหล็กเฉพาะที่ได้จากเข็มพืด และเหล็กแผ่นต่อเรือ ต้องเป็นเศษเหล็กแผ่นหรือเหล็กรูปหน้าตัดต่าง ๆ ที่ทำขึ้นมาใช้ในงานก่อสร้างการรีดให้เป็นเส้นวงกลมขณะที่ร้อนเหล็กชนิดนี้ใช้สัญญลักษณ์ SRR 24 ขนาดและน้ำหนักเหล็กเส้นกลมเสริมคอนกรีตชนิดเหล็กรีดซ้ำ
เหล็กข้ออ้อย
เป็นเหล็กตามมาตรฐาน มอก.24-2527 ตามที่ สมอ. กำหนด มีลักษณะเป็นปุ่มสันที่ผิวเหล็กเป็นระยะเพื่อให้สามารถจับตัวกับคอนกรีตได้ดีและมีแรงยึดกับคอนกรีตสูง ทำให้สะดวกในงานก่อสร้างเพราะไม่จำเป็นต้องงอเหล็กในการทำโครงสร้างเสริมเหล็ก เหล็กจะมีชั้นคุณภาพที่ SD30, SD40, SD50 และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 10 – 32 มิลลิเมตร และมีขนาดความยาว 10 – 12 เมตร

อุทยานแห่งชาติ
ข้อมูลการเดินทาง
จากกรุงเทพมหานคร
-
- ใช้ถนนพหลโยธิน หรือถนนวิภาวดีรังสิตแล้วเลี้ยวเข้าถนนรังสิต-นครนายก เข้านครนายกใช้ถนนสุวรรณศร ( ทางหลวงหมายเลข 33 ) ถึงเขตอำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม
อำเภอกบินทร์บุรี ถึงตัวจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 214 กิโลเมตร
-
- ใช้ถนนพหลโยธิน แล้วเลี้ยวขวาที่ทางแยกหินกอง ประมาณกิโลเมตรที่ 90 แยกขวาใช้ถนนสุวรรณศร ผ่านอำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก ถึงนครนายก ใช้ถนนสุวรรณศร ( ทางหลวงหมายเลข 33) ถึงเขตอำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอกบินทร์บุรี ถึงตัวจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 245 กิโลเมตร
- ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ผ่านเขตมีนบุรี เขตหนองจอก ไปทางจังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นให้ใช้เส้นทางไปอำเภอพนมสารคาม พอถึงประมาณกิโลเมตรที่ 35 ให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอกบินทร์บุรี โดยใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 พอถึงประมาณกิโลเมตรที่ 95 ให้เลี้ยวขวาอีกครั้ง เข้าถนนสุวรรณศร ไปจนถึงตัวจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 210 กิโลเมตร
- ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ผ่านเขตมีนบุรี เขตหนองจอก ไปจังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นให้ใช้เส้นทางไปอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จะพบทางแยกเขาหินซ้อน แยกขวาไปจังหวัดสระแก้วไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 359 อีกประมาณ 65 กิโลเมตรถึงตัวจังหวัดสระแก้ว
จากนครราชสีมา
-
- ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ไปทางอำเภอปักธงชัย อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ผ่านอำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุวรรณศร
ถึงตัวจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 174 กิโลเมตร
จากจันทบุรี
-
- ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 317 ผ่านอำเภอมะขาม อำเภอโป่งน้ำร้อน อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เข้าเขตอำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว ผ่านอำเภอวังน้ำเย็น อำเภอเขาฉกรรจ์
ถึงตัวจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 258 กิโลเมตร
จากบุรีรัมย์
-
- ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 218 อำเภอนางรอง เข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 348 ผ่านอำเภอปะคำ อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ เข้าเขตอำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
ผ่านอำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ ไปตามถนนสุวรรณศร ผ่านอำเภอวัฒนานคร ถึงตัวจังหวัดสระแก้ว ระยะทางประมาณ 620 กิโลเมตร
- รถโดยสารประจำทาง
- 1) สาย 921 (กรุงเทพฯ – องครักษ์ – อรัญประเทศ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – ผ่านอำเภอวัฒนานคร – สถานีปลายทางอำเภออรัญประเทศ
- 2) สาย 921 (กรุงเทพฯ – องครักษ์ – อรัญประเทศ – โรงเกลือ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – ผ่านอำเภอวัฒนานคร – ผ่านอำเภออรัญประเทศ – สถานีปลายทางตลาดโรงเกลือ
- 3) สาย 999 (กรุงเทพฯ – องครักษ์ – อรัญประเทศ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – ผ่านอำเภอวัฒนานคร – สถานีปลายทางอำเภออรัญประเทศ
- 4) สาย 60 (กรุงเทพฯ – อรัญประเทศ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – ผ่านอำเภอวัฒนานคร – สถานีปลายทางอำเภออรัญประเทศ
- 5) สาย 60 (กรุงเทพฯ – อรัญประเทศ – โรงเกลือ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – ผ่านอำเภอวัฒนานคร – ผ่านอำเภออรัญประเทศ – สถานีปลายทางตลาดโรงเกลือ
- 6) รถเหลือง (Yellow Bus) (สายระยอง – พัทยา – มุกดาหาร – ยโสธร) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว ผ่านอำเภออรัญประเทศ
- 7) รถเหลือง (Yellow Bus) (สายระยอง – พัทยา – บุรีรัมย์ – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว ผ่านอำเภออรัญประเทศ
- 8) รถเหลือง (Yellow Bus) (สายระยอง – พัทยา – อรัญประเทศ – นางรอง – สุรินทร์) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว ผ่านอำเภออรัญประเทศ
- 9) รถเหลือง (Yellow Bus) (สายระยอง – พัทยา – อรัญประเทศ – นางรอง – บุรีรัมย์ – สตึก) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว ผ่านอำเภออรัญประเทศ
- 10) รถเหลือง (Yellow Bus) (สายระยอง – ก.ม. 10 – บ่อวิน – ยโสธร – อำนาจเจริญ – มุกดาหาร) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว ผ่านอำเภออรัญประเทศ
- 11) รถเหลือง (Yellow Bus) (สายระยอง – ก.ม. 10 – บ่อวิน – ร้อยเอ็ด – บุรีรัมย์ – มุกดาหาร) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว ผ่านอำเภออรัญประเทศ
- 12) สาย 522 (บุรีรัมย์ – จันทบุรี) เส้นทางผ่านอำเภอตาพระยา – อำเภออรัญประเทศ – อำเภอวัฒนาคร – อำเภอเมืองสระแก้ว – อำเภอเขาฉกรรจ์ – ผ่านอำเภอวังน้ำเย็น
- 13) สาย 340 (นครราชสีมา – จันทบุรี) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – อำเภอเขาฉกรรจ์ – ผ่านอำเภอวังน้ำเย็น – ผ่านอำเภอวังสมบูรณ์
- 14) สาย 341 (สระบุรี – จันทบุรี) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – อำเภอเขาฉกรรจ์ – ผ่านอำเภอวังน้ำเย็น – ผ่านอำเภอวังสมบูรณ์
- 15) สาย 309 (ฉะเชิงเทรา – อรัญประเทศ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – อำเภอวัฒนานคร – สถานีปลายทางอรัญประเทศ
- 16) สาย 309 (ฉะเชิงเทรา – เขาหินซ้อน – ตลาดโรงเกลือ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – อำเภอวัฒนานคร – อำเภออรัญประเทศ – สถานีปลายทางตลาดโรงเกลือ
- 17) สาย 385 (ชลบุรี – ตลาดโรงเกลือ) เส้นทางผ่านอำเภอเมืองสระแก้ว – อำเภอวัฒนานคร – อำเภออรัญประเทศ – สถานีปลายทางตลาดโรงเกลือ
- 18) สาย 390 (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ – ตลาดโรงเกลือ)
- 19) สาย 638 (พิษณุโลก – ตลาดโรงเกลือ) เส้นทางผ่าน พิษณุโลก – มหาวิทยาลัยนเรศวร – วชิรบารมี (พิจิตร) – นครสวรรค์ – นวนคร – รังสิต – รามอินทรา กม.3 – ฉะเชิงเทรา – พนมสารคาม (ฉะเชิงเทรา) – เขาหินซ้อน – สระแก้ว – อำเภอวัฒนานคร – อำเภออรัญประเทศ – ตลาดโรงเกลือ
- 20) สาย 638 (แม่สอด – ตลาดโรงเกลือ) เส้นทางผ่าน แม่สอด (ตาก) – ตาก – วังเจ้า (ตาก) – กำแพงเพชร – คลองขลุง (กำแพงเพชร) – สลกบาตร (กำแพงเพชร) – นครสวรรค์ – นวนคร – รังสิต – รามอินทรา กม.3 – ฉะเชิงเทรา – พนมสารคาม (ฉะเชิงเทรา) – เขาหินซ้อน – สระแก้ว – อำเภอวัฒนานคร – อำเภออรัญประเทศ – ตลาดโรงเกลือ
รถไฟจากกรุงเทพมหานคร – อรัญประเทศ
-
- จากสถานีกรุงเทพมหานคร (เวลาประมาณ 05.55 น.) ถึงสถานีสระแก้ว (เวลาประมาณ 10:33) ถึงอรัญประเทศ (เวลาประมาณ 11.35 น.)
- จากสถานีกรุงเทพมหานคร (เวลาประมาณ 13.05 น.) ถึงสถานีสระแก้ว (เวลาประมาณ 16:49) ถึงอรัญประเทศ (เวลาประมาณ 17.35 น.)
- จากสถานีอรัญประเทศ (เวลาประมาณ 06.40 น.) ถึงสถานีสระแก้ว (เวลาประมาณ 07:32) ถึงกรุงเทพมหานคร (เวลาประมาณ 12.05 น.)
- จากสถานีอรัญประเทศ (เวลาประมาณ 13.55 น.) ถึงสถานีสระแก้ว (เวลาประมาณ 14:49) ถึงกรุงเทพมหานคร (เวลาประมาณ 19.55 น.)